Like Our Post? Please Share!

Sunday, July 8, 2012

10 คำถามกับ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ในบทบาทของ เจ.เอ็ดการ์ (ฮูเว่อร์) เจ้าพ่อ FBI

10 คำถามกับ "ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ" จาก "แจ๊ก ดอว์สัน" ใน "ไททานิค" มาสวมบทบาทเป็น "เจ.เอ็ดการ์ (ฮูเว่อร์)" เจ้าพ่อ FBI


จากพระเอกหนังขวัญใจวัยรุ่น และด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา ทำให้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ มีโอกาสได้รับบทดีๆ มีสาระตามมามากมาย เช่น ไททานิค และตอนนี้ลีโอนาร์โด ได้กลายเป็นนักแสดงประเภทดราม่าไปแล้ว บทชีวิตหนักล่าสุดในหนังเรื่องใหม่ของเขาคือ ภาพยนตร์จากชีวิตของ "เจ.เอ็ดการ์ ฮูเว่อร์" ผู้บัญชาการคนแรกขององค์กรสืบสวนพิเศษ FBI (Federal Bureau of Investigation)


เจ.เอ็ดการ์ ฮูเว่อร์ (John Edgar Hoover) เริ่มชีวิตการทำงานที่กระทรวงยุติธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2460 ขณะอายุ 22 ปี หลังจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน และก้าวหน้าไปเรื่อยๆจนได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการหัวหน้าหน่วยสืบสวน (Bureau of Investigation "BOI") ในปี พ.ศ. 2467

ภายใต้การนำของเขา BOI ได้เติบโตขึ้นเป็น FBI อย่างที่เห็นในปัจจุบัน เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ คือ ผู้บัญชาการ FBI คนแรก และอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 48 ปี (พ.ศ. 2467-2515)

บทบาทที่โดดเด่นในอดีตของ FBI ที่รู้จักกันดีเพราะมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง คือ การปราบปรามบรรดามาเฟีย นักค้าของเถื่อน และเจ้าพ่ออาชญากรทั้งหลาย

เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ได้ฝึกอบรมบรรดาเจ้าหน้าที่ของเขาเป็นพิเศษทั้งในด้านการสืบสวนและการปราบปราม นำวิทยาการใหม่ๆ เข้ามาใช้ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพิสูจน์หลักฐาน หรือการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาประกอบในการปฏิบัติการเป็นครั้งแรก

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 FBI คือ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญในแนวหลัง นั่นคือ การต่อต้านข่าวกรอง ต่อต้านการจารกรรม และการก่อวินาศกรรม ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากความสำเร็จในผลงาน

ภาพยนตร์อัตชีวประวัติของ เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ที่มีผู้นำมาสร้างล่าสุดในชื่อ "J.Edgar" จากฝีมือการกำกับของ คลินท์ อีสต์วู้ด อดีตพระเอกคนดังที่หันมาเป็นผู้กำกับการแสดงและเคยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองมาแล้วด้วย

คลินท์ อีสต์วู้ดได้เลือกเอา "ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ" มารับบทเป็น เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ และบังเอิญได้พบบทสัมภาษณ์ของ "ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ" ในนิตยสารต่างประเทศเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงนำมาเรียบเรียงให้ได้อ่านกัน จะได้รู้ว่าพระเอกของเรื่องคนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างกับตัว "J.Edgar" ที่เขาสวมบทบาท

  • Q : "J.Edgar" ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของคุณตรงกับชีวิตจริงของ ฮูเว่อร์แค่ไหน
  • A : ถ้าพูดถึงเรื่องราวละก็ ตรงกับความจริงอย่างแทบไม่น่าเชื่อ อะไรที่เกิดขึ้นกับชีวิตส่วนตัวของเขา มันขึ้นกับมุมมอง ผมคิดว่าในหนังก็เสนอไปแบบนั้น คงไม่มีใครยกเว้นคุณโทลสัน (ลูกน้องใกล้ชิดของฮูเวอร์ที่ลือว่าเป็นแฟนกัน) กับฮูเวอร์เท่านั้นที่จะบอกได้ชัดๆจริงๆว่า ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองนั้นเป็นแบบไหนกันแน่ แต่ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต
  • Q : แล้วคุณคิดว่าจริงๆแล้วเขาเป็นเกย์หรือเปล่า
  • A : ผมคิดว่าคงไม่มีใครรู้ความจริงหรอก ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกอย่างไม่กังขาเลยว่า เขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่รักเพศตรงข้าม และโทลสันคือ หุ้นส่วนธุรกิจของเขา และทั้งสองต่างก็อุทิศตนทำงานเพื่อประเทศของตน
  • Q : คุณและฮูเวอร์ต่างประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนกัน มันช่วยให้คุณรับบทชีวิตเขาง่ายขึ้นไหม
  • A : ผมเข้าใจในความทะเยอทะยานของเขา ผมเองก็ทะเยอทะยานเป็นบ้าเป็นหลังมาตั้งแต่เกิด และในบางเรื่องไม่มีการยับยั้งชั่งใจอะไรทั้งสิ้น คือมันอยากได้จนไม่สนใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
  • Q : เช่นเดียวกับฮูเว่อร์อีก คือ คุณมีชื่อเสียงมานานแล้ว อะไรคิอผลกระทบที่ร้ายกาจที่สุดจากการเป็นคนมีชื่อเสียงของคุณ
  • A : มีหลุมพรางมากมายตลอดเส้นทางสู่ความสำเร็จ และเรื่องหนึ่งคือการไม่ฟังเสียงคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือ การรับฟังคำวิจารณ์นั้นๆมาพิจารณา ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ในกรณีของผมส่วนใหญ่เกี่ยวกับการแสดงหรือไม่ก็เรื่องส่วนตัว
  • Q : หนังเรื่องนี้เปิดฉากด้วยการก่อเหตุร้ายตามหลายๆเมืองของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2462 และเจ้าหน้าที่ปราบปรามอย่างไม่กลัวตาย เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมาเลยจริงไหม
  • A : เหมือนกันมาก บทภาพยนตร์ที่เร้าใจก็เหมือนจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและรุกร้ำความลับของทางราชการโดยอาศัยเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ... ดัสติน แลนซ์ แบล็ค คนเขียนบทได้รับแรงบันดาลใจจากเสรีภาพในยุคประธานาธิบดีบุช
  • Q : การเข้าไปมีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้ สะท้อนถึงทัศนคติทางการเมืองของคุณด้วยไหม
  • A : ผู้กำกับการแสดง คลินท์ อีสต์วู้ด ผมและดัสตินต่างมีแนวคิดทางการเมืองคนละแบบ และเราไม่เคยยกเรื่องนี้มาถกเถียงกันเลย สำหรับผมมันเหมือนกัับเป็นภาพเหมือนของชายคนหนึ่งมากกว่าคนที่ปกป้องความลับส่วนตัวไว้ แต่ชอบแทรกซึมเข้าไปล่วงรู้ความลับเรื่องราวของคนอื่น
  • Q : เล่าลือกันว่า คุณกับอีสต์วู้ด ได้เอาชีวิตส่วนตัวของคุณเสริมเข้าไปเพื่อให้ดูจริงจังยิ่งขึ้น คุณเคยกังวลในการทำแบบนี้กับชีวิตของคนอื่นไหม
  • A : คุณต้องเลือกบุคลิกตัวละครขึ้นมา นี่คืองานศิลปะของภาพยนตร์ แต่ก็ใช่ ผมคิดว่า ถ้าผมได้ดูหนังเกี่ยวกับชีวิตของผม มันคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องเถียงว่ามันไม่จริง ไม่ใช่แค่วิธีการที่คุณถ่ายทำ แต่ต้องดูถึงเจตนาจริงๆ ของคุณด้วยว่าคืออะไร มันเป็นงานที่ซับซ้อนมากๆ
  • Q : คุณสนใจอาชีพกำกับการแสดงสไตล์อีสต์วู้ดหรือเปล่า
  • A : นั่นเป็นไปตามอารมณ์ศิลปินของคลินท์ อีสต์วู้ด เพราะใช่ว่าคุณจะสนใจอยู่แต่กับตัวเอง สักวันหนึ่งข้างหน้าผมก็อยากจะลองทำดูเหมือนกัน
  • Q : คุณกำลังสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Great Gatsby แบบ 3D Version ในออสเตรเลียร่วมกับ Baz Luhrmann อะไรที่ทำให้คุณหันมาสนใจเรื่องของ Gatsby
  • A : ผมสนใจแนวคิดของผู้ชายคนหนึ่งที่มาจากไม่มีอะไรเลยจริงๆ มาสร้างชีวิตด้วยจินตนาการของตัวเองล้วนๆ จุดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของแกสบี้มาจากการที่เขาสามารถตีความหมายของชีวิตให้เห็นได้หลายแบบมาก เช่น ความรักแบบไร้ความหวัง ใช้ชีวิตไปแบบเรื่อยเปื่อย หรือแบบอันธพาลที่มุ่งเกาะผู้หญิงรวยๆกิน
  • Q : ฟังแล้วดูไม่น่าจะเป็นหนังโรแมนติคเท่าไหร่นัก และเมื่อเทียบกับ Titanic ที่สร้างใหม่แบบ 3D แล้วเป็นยังไง เราจะได้เห็นโรคคลั่ง Jack Dawson เกิดขึ้นอีกไหม
  • A : มีเรื่องรักโรแมนติคอยู่ในนั้นเยอะเลย แต่ผมบอกคุณไม่ได้หรอกว่ามันจะเหมือนเมื่อครั้งไททานิคหรือเปล่า ที่สำคัญผมไม่ได้คิดถึงเรื่องการเปรียบเทียบกันด้วย



No comments:

Post a Comment

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...