เพราะการซักอบรีดที่ว่าต้องทำด้วยกรรมวิธีพิเศษที่ใช้น้ำยาแช่ผ้าที่ต้องใช้เวลาผลิตและเปลืองแรงงานมากเพราะเป็นสารเคมีที่ทำให้ผ้าขาวได้ด้วย เรียกว่า "แอมโมเนีย" หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "น้ำปัสสาวะหมัก" นั่นเอง
คนโรมันทั้งหลายใช้ "ฉี่" เป็นน้ำยาซักผ้า สำหรับให้ผ้าสะอาดและฟอกให้ขาววิธีทำคือ รองเอาปัสสาวะตามบ้านมาแล้วผ่านกรรมวิธี "หมัก" ไว้ให้กลายสภาพเป็น "แอมโมเนีย" ที่มีกลุ่นฉุนเฉียวคล้ายปัสสาวะอูฐ ก่อนจะนำมาใช้แช่ผ้ามีราคาทั้งหลายของชาวโรมัน ทั้งทูนิก โทกา ล้วนต้องผ่านน้ำฉี่หมักมาแล้วทั้งนั้น เรื่องกลิ่นไม่สำคัญ ขอให้ผ้านุ่ม ผ้าขาวเป็นพอ เป็นเสมือนน้ำยาปรับผ้านุ่ม ฟอกผ้าขาวในสมัยนี้นั่นเอง
นี่คือ ซินไฉฮั้ว ยุคโรมันนึกย้อนไปในสมัยนั้นแล้วก็ให้ได้เห็นมิติของการซักผ้าและอนามัยส่วนบุคคลที่นิยมกันและอยู่ต่อมาอีกนานนับเป็นพันปีที่ปัสสาวะเป็นผงซักฟอกสูตรปรัมปราของการซักผ้า เพราะว่าสบู่เพิ่งมีขึ้นเมื่อราว 200 ปีก่อนนี้เอง และไม่ใคร่ใช้กันแพร่หลายนัก แม้ตามโบสถ์วัดฝรั่งในยุโรปก็ยังตั้งโรงซักผ้าที่ใช้น้ำแอมโมเนียปัสสาวะหมักนี้อยู่
ดังนั้นที่บอกว่าชาติฝรั่งก็ใช่จะสะอาดเสมอไป คนไทยเราแต่ก่อนรู้วิธีซักผ้าแบบไม่น่าแหวะมากและไม่ทิ้งกลิ่นพิลึกไว้ให้ติดผ้าเหมือนอย่างฝรั่งมานานแล้ว เพราะสบู่เพิ่งเข้ามาในบ้านเราเมื่อราวๆ 100 ปีหลังเกิดสงครามโลกนี่เอง มีดีหน่อยก็คือ "สบู่กรด" ที่กัดแรงหมดจดจนอันตราย สบู่ฝรั่งชั้นดีที่ขายครั้งกระโน้นจึงมีใช้กันในหมู่เจ้านายและขุนนางเท่านั้น ถ้าเป็นผ้าผ่อนชาวบ้านทั่วไปที่ซักกันก็ต้องนี่เลยค่ะ "น้ำขี้เถ้าถ่านแสม" หรือ "น้ำด่าง" เป็นกระแสรากหญ้ายอดฮิตเพราะมีฤทธิ์เป็นด่างช่วยชะล้างคราบไคลบนใยผ้าได้เป็นอย่างดี
สมัยก่อนมีไม้แสมเยอะ ดังที่นักเลงชอบฉวยเอาดุ้นแสมมาตีกัน พอใช้ไม้แสมทำถ่านแล้วเหลือขี้เถ้าเอามาเทแช่น้ำไว้แล้วค่อยเอาน้ำขี้เถ้านี้แช่ผ้าอีกทีหนึ่ง จากนั้นเอามา "ซ้อม" โดยการทุบให้น่วมจะได้รวมความสกปรกให้ตกออกไป ครั้นพอล้างน้ำตากแดดดีแล้วก็เอามาอบร่ำให้กรุ่นกลิ่นกำจาย นั่งที่ไหนก็ "หอมติดกระดาน" แบบชาววังได้ ไม่ใช่กลิ่นตุๆ เหมือนชาวโรมัน
No comments:
Post a Comment