Like Our Post? Please Share!

Saturday, July 28, 2012

ซักผ้ารวมกัน ... อันตราย เจอเต็มๆ ...

คนไทยยุคใหม่สมัยนี้เหมือนจะมีโลกส่วนตัวสูงไม่ชอบยุ่งกับใคร ทำงานกลับมาบ้านก็ขออยู่ส่วนตัว ยิ่งคนโสดอยู่คนเดียวหรือแค่สองที่ต้องอาศัยอยู่คอนโดฯหรืออพาร์ทเม้นท์เพื่อให้สะดวกขึ้น ไม่ต้องดูแลบ้านมาก กลับมาก็นอนได้เลย เพราะมีสิ่งบริการอยู่รอบตัวแสนสะดวก บวกกับจะกินอยู่หรือออกกำลังกายก็มีสบายอยู่ในตึกเดียว ไปเที่ยวไหนต่อไหนมาทั้งวันกลับกันมาถึงก็แค่นอน ตอนจะซักผ้าก็มีบริการซักให้หรือจะใช้เครื่องซักผ้ารวมก็ไม่ยากนัก แค่จับใส่เข้าไปใช้เวลานั่งรอประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ แต่การซักผ้าแบบรวมอยู่นี้เอง รู้หรือไม่ว่ามันมีเชื้อโรคร้ายรออยู่มากมาย เช่น 
  • เชื้อกามโรค อย่างเบาะๆเช่น "ซิฟิลิส" ถ้าเข้าตาก็ทำให้ตาบอดได้ หรืออย่าง "เชื้อหนองใน" ถ้าเข้าคอไปก็ทำให้เป็นหนองอักเสบคล้ายโรคทอนซิลกลัดหนอง แต่ต้องรักษาโดยใช้ยาฆ่าเชื้อแบบกามโรคถึงจะหาย
  • เชื้อรา ติดตามใยผ้าได้โดยเฉพาะผ้าที่ใช้เครื่องอบแห้ง ไม่ได้ตากแดด จึงไม่อาจทำลายสปอร์เชื้อราและเชื้ออีกหลายชนิดได้ เมื่อเอามาใส่ก็อาจทำให้เกิดโรคได้ เพราะส่วนใหญ่เชื้อราชอบความอับชื้นมาก
  • เชื้อตกขาว สตรีที่มีโรคภายใน เชื้อตกขาวจะออกเพ่นพ่านยามซักผ้า ถ้าซักชั้นในควรแยกกับผ้าอื่น และยิ่งไม่ควรซักรวมกับคนอื่น เพราะเชื้อเหล่านี้มองไม่เห็นและแม้เจ้าตัวเองบางทีก็ยังไม่ทราบเลยว่ากำลังป่วยอยู่
  • เชื้อโรคผิวหนัง ผ้าที่เป็นของส่วนตัวมากอย่างผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวนี่ยิ่งน่ากลัวที่สุด เพราะสัมผัสกับทั้งเซลล์หนังกำพร้าที่หลุดลอก (ขี้ไคล), น้ำตา, น้ำมูก, น้ำลาย, และสารคัดหลั่งที่อุดมไปด้วยเชื้อหนอง, เชื้อรา, กลาก, เกลื้อน, โรคตาแดง ฯลฯ
ที่ว่ามา 4 เชื้อนี้เป็นแค่เบาะๆ ที่พบได้บ่อย เพราะเสื้อผ้าเป็นของสัมผัสกับตัวเราย่อมต้องมีทั้งขี้ไคลซึ่งเป็นหนังกำหร้าที่แสนอร่อยในความเห็นของเชื้อหลายชนิด ถ้าคิดทำประชาพิจารณ์แล้วมันก็ชอบจะตั้งบ้านอยู่บนเสื้อผ้ามากพอกับตัวเราเลยค่ะ ถ้าเป็นเสื้อผ้าคนป่วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ เพราะทั้งไอ จาม และคราบน้ำเลือด น้ำเหลือง และสารคัดหลั่งในร่างกายจะติดมากับซอกเล็กซอกน้อยของใยผ้าด้วย
อย่าคิดว่าผงซักฟอกจะซักออกเสมอไป
ผ้าอีกชนิดที่คนไทยสนิทสนมและอยู่ใกล้ชิดติดกับตัวที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น "ผ้าขาวม้า" ถ้าเปรียบผ้าเสมือนญาติ ผ้าขาวผ้าก็ต้องเป็นยิ่งกว่าเพื่อนบ้านคือเป็นประเภทภรรยาและเพื่อนสนิทเลยทีเดียว เพราะใช้ใส่เที่ยว, กิน, เล่น, นอนไปจนตอนอาบน้ำก็ได้

"ผ้าขาวม้า" วิวัฒนาการมาจากผ้าขาวม้าเปอร์เซีย ที่ชื่อว่า "กามา (Kamar)" แล้วต่อมาก็เป็น "คัมเมอร์บันด์ (Cummerbund)" ผ้าคาดเอวผู้ชายเวลาแต่งทักซิโดเต็มยศ แต่คนไทยอดนำมาใช้แบบหลากวัตถุประสงค์กว่าไม่ได้ นับเป็นภูมิปัญญาไทยที่เปลี่ยนผ้าแขกและผ้าฝรั่งให้เป็น "ผ้าอเนกประสงค์" อย่างผ้าขาวม้า

ทว่าใช้มากก็ยิ่งเปื้อนมาก ยิ่งหลากหน้าที่ก็ยิ่งมีเชื้อโรคมาก เพราะผ้าที่ว่าก็มีซอกเล็กซอกน้อยยิบย่อยในใยผ้า เดี๋ยวเอามานุ่งแล้วเอามาห่มเช็ดหน้าเช็ดตา ถึงอย่างไรก็ต้องหาทางซักให้บ่อยขึ้นกว่าผ้าทั่วไป จะใช้ผงซักฟอกพิเศษที่ว่าทำให้ขาวทะลุจอก็อาจไม่ใช่คำตอบ เพราะคำว่า "ขาว" ไม่ได้แปลว่า "สะอาด" แต่ถ้าอยากให้ปราศจากเชื้อมากที่สุดและเสี่ยงน้อยที่สุด ก็ขอฝากเทคนิคหยุดโรคจากการซักผ้าไว้ดังนี้
  • แยกชั้นในและถุงเท้าต่างหาก
    • สองอย่างนี้เป็นส่วนที่สัมผัสกับเนื้อเรามากที่สุด ดังนั้นจึงมีจุดปนเปื้อนที่ทำให้ปะปนกับเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มอื่นๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แล้วทำให้เชื้อก้าวกระโดดแบบไร้ขอบเขต เชื้อฮ่องกงฟุตจากเท้าก็อาจจะขึ้นหัวหรือเชื้อตกขาวจากชั้นในอาจลามไปทำให้ตาแดงได้
  • อย่าฝากซักรวม
    • ยิ่งกับคนที่ไม่คุ้นแม้จะอยู่ชั้นเดียวกันหรือจะต้องใช้เครื่องร่วมกัน ลำพังผ้าเราเองยังซักแยกแล้วจะไปแลกเชื้อกับคนอื่นทำไมให้เหนื่อยเพิ่ม การซักร่วมเป็นการเติมเชื้อโดยไม่จำเป็น แค่ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าเช็ดหน้าก็พาเชื้อลามมาติดผ้าของเราได้แล้ว
  • ก่อนสวมตากแดด
    • ขอวอนให้พาเสื้อผ้าและบริขารทุกสิ่งอย่างที่สัมผัสกับตัวเรา ไม่ว่าจะผ้าปูที่นอน, ปลอกหมอน, มุ้ง หรือ แม้แต่ผ้าอ้อมเด็กต้องเช็กให้ปลอดเชื้อ โดยการเอาออกผึ่งแดดบ้าง หลังซักเสร็จแล้วอยากให้แห้งไวๆ ขอให้เลือกวันที่แดดแรงๆ พามันไปตากอากาศบ้าง เพราะถ้าขาดแสงยูวีจากแดดแล้วเชื้อโรคจะหายไปไม่หมด
  • ไม่แวดล้อมความชื้นแฉะ
    • อย่าปล่อยให้ผ้าแห้งเองโดยไม่ถูกแดด ถือเป็นกฎหมายลูกที่ตามมาจากข้อบน เพราะคนมักคิดว่าถ้าแห้งแล้วคือสะอาดพอใช้และใส่ได้ แต่ระหว่างการแห้งเองโดยที่ไม่ได้ตากแดดนั้น มันเป็นช่วงที่ความสกปรกในใยผ้าจะจับลงไปในซอกเล็กซอกน้อยได้แน่นยิ่งขึ้น และเมื่อหยิบเอามาใส่แบบเต็มๆ แบบมึ้นๆ เชื้อโรคก็จะขึ้นอยู่รอบตัวเราทั้งวัน
  • แนะนำให้เปลี่ยนเมื่อโดนความเปียกชื้น
    • เพราะความชื้นเป็นตัวเรียกเชื้อโรคต่างๆ แม้ชื้นจากเหงื่อของเราเองก็มีเชื้อโรค โรคผิวหนังที่น่าอาย น่ารำคาญอย่างพวกกลาก, เกลื้อน, สังคัง ฯลฯ ส่วนใหญ่มันก็มาจากคราบเหงื่อที่ชื้นแฉะ ยิ่งความขยันต่ำในการเปลี่ยน การอาบน้ำ โดยเฉพาะพวกที่ชอบปล่อยให้เปียกเหงื่อจนแห้งไปเองอย่างนี้ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น มักพบได้ในนักกีฬา และผู้มีเหงื่อมากค่ะ
ถ้าแต่งตัวเป็น แต่ไม่ดูแลก็อาจเป็นแค่ผ้าเปื้อนเชื้อโรคที่เอามาคลุมกายได้ และถ้ารักสบายแค่ให้มีเสื้อผ้าสวยๆ มาใส่ให้ทันเวลาโดยกลับมาแล้วก็โยนผ้าโครมลงในตู้ ปล่อยที่เหลือให้เครื่องจัดการ ความสบายนั้นจะอยู่ได้ไม่นานค่ะ เพราะเสื้อผ้าจะลุกขึ้นมาประท้วงโดยทำให้ใส่ไม่สบายตัวบ้างหรือเกิดเจ็บป่วยจนหน้าหมอง ขอให้ลองเพิ่มเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อโชก และยอมเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกนิด ค่อยจับเสื้อผ้าแยกชนิด ก่อนซัก แล้วจะไม่เป็นที่รักของเชื้อโรคค่ะ

No comments:

Post a Comment

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...