Like Our Post? Please Share!

Saturday, August 4, 2012

Masako Mizutani แม่บ้านสาวญี่ปุ่นหน้าเด็ก คุณจะไม่เชื่อว่าเธออายุ 43 แล้ว

อึ้ง! สาวญี่ปุ่นหน้าเด็ก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สาวสมัยนี้ดูแลตัวเองกันได้สุดยอดจริงๆ ดูอย่างนางแบบสาวสวย Masako Mizutani เป็นตัวอย่าง เห็นแต่รูปอย่างเดียวนึกว่าเธออายุ 20 ต้นๆ แต่ที่ไหนได้ Masako Mizutani อายุ 43 ปีแล้วคร๊าาา


อดีตนางแบบสาวคนนี้เธอแค่หน้าใสกิ๊ง ไม่เท่าไหร่ แต่หุ่นเธอยังแจ่มเกินหน้าสาวรุ่นๆเสียอีก และมิหนำซ้ำยังเป็นคุณแม่ลูก 2 ด้วย ลูกสาวเธออายุ 20 ปีแล้วจ้า แม่เจ้า! ทำไงหน้าถึงได้แบ๊ว หุ่นแจ่มขนาดนี้ ไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์ด้วยตาตัวเองค่ะ


Masako Mizutani คุณแม่ยังสาวคนนี้อยู่ที่นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาในการดูแลผิวหน้าและตัวเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า วันละไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ฟังไม่ผิดค่ะ 5 ชั่วโมง แต่ที่สำคัญ เธอไม่เคยผ่านการทำศัลยกรรม เป็นสาวสวยหน้าเด็กอย่างธรรมชาติ สวยสาว เห็นแล้วตะลึ่ง สาวสวยคงกระพัน


เธอก็มีความสุขมากที่ดูแลตัวเองแบบนี้ได้ เพราะปัจจุบันเธอมีอาชีพเป็นแม่บ้านนั่นเอง และนี่คือเคล็ดลับในการดูแลตัวเองของเธอค่ะ
  • ออกกำลังกายพร้อมๆ ไปกับการทำงานบ้าน และก็นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานอาหารสดใหม่ที่มีประโยทช์ต่อร่างกายเท่านั้น ผัก ผลไม้ ถั่ว นม น้ำเปล่าสะอาด ที่มีประโยชน์ช่วยการดูแลผิวพรรณจากภายใน
  • บำรุงผิวด้วยครีมที่เหมาะกับตัวเองเป็นประจำห้ามขาดเพราะช่วยปกป้องผิวจากภายนอก
  • ต้องรู้จัก แต่งหน้า และใช้เครื่องสำอางค์ในโทนสีที่เหมาะกับเรา จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราดูดีได้ และถ้าจะให้ดี เลือกเครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี และต้องล้างออกให้หมดจดทุกครั้งก่อนนอน ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับของเธอค่ะ








เอ๊า!! สาวๆคนไหน อยากแบ๊วเวอร์แบบนี้บ้าง ก็ลองอ้อนคุณสามี ขอเป็นแม่บ้านเพื่อจะได้มีเวลาดูแลตัวเองให้ใสกิ๊งค์แบบนี้กันบ้าง ก็ลองดูเลยคร๊าาาาาา

ใครสนใจเคล็ดลับคงความสวยสาว อ่อนวัยเพิ่มเติม ... เรามีเคล็ดลับดีๆมาฝากอีกค่ะ อ่านได้ที่นี่เลย
--> 9 เคล็ดลับ .. คงความสาว ความสวย และความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับคุณผู้หญิงไปนานๆ

Friday, August 3, 2012

9 เคล็ดลับ .. คงความสาว ความสวย และความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับคุณผู้หญิงไปนานๆ

ความสวยใส อ่อนเยาว์ดูเด็กอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่สาวๆทุกผู้ทุกวัยปรารถนา วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับดูแลความสวยใสเยาว์วัยนี้ ให้อยู่กับเราไปนานๆ กันนะคะ 
  1. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ (Water) และจิบบ่อยๆ อย่าให้ร่างกายต้องขาดน้ำ
    1. เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกายถึง 2/3
    2. โดยน้ำเปล่านั้นนอกจากจะทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าแล้ว
    3. ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียในร่างกายทำงานได้อย่างดีและเป็นปกติ
    4. มีแคลอรีเป็นศูนย์ ดื่มได้มากเท่าที่ต้องการไม่อ้วนค่ะ
    5. ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่แห้งกร้าน
    6. ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเป็นปกติ แล่นฉิว
    7. ป้องกันโรคนิ่วในไต มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งในทางเดินปัสสาวะ 
  2. ออกกำลังกาย (Exercise) เรียกเหงื่อเป็นประจำ
    1. การออกกำลังกายที่ยาวนานเพียงพอ และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นถึงขีดที่เหงื่อออกนั้น จะช่วยเสริมสร้างความอ่อนเยาว์ได้อย่างยอดเยี่ยม
    2. โดยให้คุณออกกำลังกายจนหัวใจเต้น 80% ของค่าสูงสุดตามวัย (คำนวณด้วย 220 - อายุของคุณ)
    3. เช่น อายุ 20 --> ค่าสูงสุดคือ 220 - 20 = 200 --> 80% ของ 200 คือ 160 BPM (Beats per Minute) หรือ ควรออกกำลังกายจนหัวใจเต้นประมาณ 160 ครั้งต่อนาที 
    4. ถ้าทำได้ตามนี้จะช่วยทำให้เส้นเลือดของคุณแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติได้อย่างดี

Thursday, August 2, 2012

5 ขั้นตอนสู่ความเข้าใจ หากลูกเป็นเกย์

Gay & Homosexual

"เชลลี่ อาเจนต์" จากชมรม PFLAG ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองที่คิดว่าลูกเป็นเกย์ และรักเพศเดียวกันดังนี้

Wednesday, August 1, 2012

อยากสุขภาพดี ต้องแต่งงาน ... อย่าแค่อยู่ด้วยกันเฉยๆ

การแต่งงาน ดีกว่า การอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน
จากการสำรวจคนจำนวน 19,000 คน เพื่อดูว่ามีความสัมพันธ์กับโรคภัยไข้เจ็บอย่างไร โดยโรคที่เกี่ยวข้องนี้นับตั้งแต่โรคร้ายแรงอย่างโรคปอด โรคหัวใจ ไปจนถึงโรคธรรมดา เช่น ปวดหัวไมเกรน เป็นต้น ผลการสำรวจพบว่ามีความแตกต่างชัดเจนระหว่างผู้ที่อยู่ด้วยกันโดย "การสมรส" กับผู้ที่อยู่ด้วยกันแบบ "คู่รัก" แต่ไม่ได้แต่งงานกัน

คู่สมรสมีปัญหาสุขภาพน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้สมรส 20% ดร.ไอเนซ จุง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) กล่าวว่า
"คู่สมรสมีอายุยืนกว่าและมีสุขภาพดีกว่า"
ส่วนผู้ที่แย่ที่สุดคือ ผู้ที่หย่าร้าง ไม่ใช่เพียงสุขภาพแย่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเข้าโรงพยาบาลมากกว่าผู้ที่สมรสและผู้ที่อยู่ด้วยกันแบบคู่รักถึง 30% ด้วย

ทำไมการสมรสจึงมีผลดีกว่าการอยู่ร่วมกันเฉยๆ
ที่เห็นได้ชัดๆคือ คนที่ไม่สมรสทำตัวคล้ายคนโสด คือ มักสนุกสนานกับการดื่มมากกว่า และไม่ค่อยใส่ใจสุขภาพ ไม่ระมัดระวังอาหารการกิน ไม่ค่อยออกกำลังกาย

คู่สมรสได้รับการสนับสนุนทั้งทางกายและทางใจจากคู่ครองและครอบครัวมากกว่า ซึ่งดูไปแล้วผู้ที่อยู่ด้วยกันแบบคู่รักก็น่าจะมีสิ่งนั้นเหมือนกัน แต่ผลกลับไม่ออกมาเช่นนั้น

การสมรสเป็นการผูกมัด ทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิตคู่มากกว่าการอยู่ด้วยกันเฉยๆ ตามใจชอบ ซึ่งเป็นการผูกสัมพันธ์แบบหลวมๆ ... พันธะสัญญาระหว่างคนสองคนนี่เองที่น่าจะเป็นข้อแตกต่างสำคัญระหว่างผู้ที่อยู่กินแบบสมรสกับผู้ที่อยู่กินกันแบบไม่ได้สมรส

Tuesday, July 31, 2012

ขำขันประจำวัน @ 20120731

ถ้าคุณไม่มีเงินพอที่จะไปพบแพทย์ได้ให้ไปที่ "ท่าอากาศยาน" เพราะที่นั่น ...

คุณจะได้รับการเอ็กซเรย์ฟรี

ได้ตรวจเต้านมฟรี

และยิ่งถ้าคุณอ้างถึง "อัลเคด้า"

คุณจะได้รับการตรวจลำไส้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ฟรีอีกด้วย ...

Monday, July 30, 2012

ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจ ด้วยการ ... ขยายบอลลูน


ส่วนใหญ่ ... ไม่แสดงอาการล่วงหน้า รู้ตัวอีกทีก็มีสิทธิ์ตีบสนิทแล้ว ต้องยกประโยชน์ให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้สามารถรักษาหลอดเลือดตีบได้โดยไม่ต้องผ่าตัดบายพาสเหมือนในอดีต อีกทั้ง ... ยังรักษาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างปลอดภัย ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนานเหมือนแต่ก่อน

Sunday, July 29, 2012

เขาซักผ้ากันอย่างไร ... ในยุคไร้ผงซักฟอก ?

ชาวโรมันผู้ดีทั้งสตรีและบุรุษในยุคต้นคริสต์ศตวรรษ แม้จะมีเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงามเดินกรุยกราย แต่เรื่องกลิ่นกายนี่หายห่วง ... ฉุนมาก ... มีสภาพเหมือนเดินอยู่ในกองผ้าเปื้อนฉี่! ไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็ล้วนแต่มีชายหญิงที่มีกายอบอวลไปด้วยกลิ่นกายฉุนที่ว่านี้ เพราะเสื้อผ้าของชาวพาราโรมันเหล่านี้ล้วนส่งมาจาก "ร้านซักอบรีดพิเศษที่ทำโดยพวกทาส" คนที่จะมีอภิสิทธิ์เดินสวยด้วยเสื้อผ้ากลิ่นเฉพาะนี้ก็คือเหล่าผู้ดีและทหารโรมันเท่านั้น ... คนสามัญไม่มีสิทธิ์แหยม


เพราะการซักอบรีดที่ว่าต้องทำด้วยกรรมวิธีพิเศษที่ใช้น้ำยาแช่ผ้าที่ต้องใช้เวลาผลิตและเปลืองแรงงานมากเพราะเป็นสารเคมีที่ทำให้ผ้าขาวได้ด้วย เรียกว่า "แอมโมเนีย" หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "น้ำปัสสาวะหมัก" นั่นเอง
คนโรมันทั้งหลายใช้ "ฉี่" เป็นน้ำยาซักผ้า สำหรับให้ผ้าสะอาดและฟอกให้ขาว
วิธีทำคือ รองเอาปัสสาวะตามบ้านมาแล้วผ่านกรรมวิธี "หมัก" ไว้ให้กลายสภาพเป็น "แอมโมเนีย" ที่มีกลุ่นฉุนเฉียวคล้ายปัสสาวะอูฐ ก่อนจะนำมาใช้แช่ผ้ามีราคาทั้งหลายของชาวโรมัน ทั้งทูนิก โทกา ล้วนต้องผ่านน้ำฉี่หมักมาแล้วทั้งนั้น เรื่องกลิ่นไม่สำคัญ ขอให้ผ้านุ่ม ผ้าขาวเป็นพอ เป็นเสมือนน้ำยาปรับผ้านุ่ม ฟอกผ้าขาวในสมัยนี้นั่นเอง
นี่คือ ซินไฉฮั้ว ยุคโรมัน
นึกย้อนไปในสมัยนั้นแล้วก็ให้ได้เห็นมิติของการซักผ้าและอนามัยส่วนบุคคลที่นิยมกันและอยู่ต่อมาอีกนานนับเป็นพันปีที่ปัสสาวะเป็นผงซักฟอกสูตรปรัมปราของการซักผ้า เพราะว่าสบู่เพิ่งมีขึ้นเมื่อราว 200 ปีก่อนนี้เอง และไม่ใคร่ใช้กันแพร่หลายนัก แม้ตามโบสถ์วัดฝรั่งในยุโรปก็ยังตั้งโรงซักผ้าที่ใช้น้ำแอมโมเนียปัสสาวะหมักนี้อยู่

ดังนั้นที่บอกว่าชาติฝรั่งก็ใช่จะสะอาดเสมอไป คนไทยเราแต่ก่อนรู้วิธีซักผ้าแบบไม่น่าแหวะมากและไม่ทิ้งกลิ่นพิลึกไว้ให้ติดผ้าเหมือนอย่างฝรั่งมานานแล้ว เพราะสบู่เพิ่งเข้ามาในบ้านเราเมื่อราวๆ 100 ปีหลังเกิดสงครามโลกนี่เอง มีดีหน่อยก็คือ "สบู่กรด" ที่กัดแรงหมดจดจนอันตราย สบู่ฝรั่งชั้นดีที่ขายครั้งกระโน้นจึงมีใช้กันในหมู่เจ้านายและขุนนางเท่านั้น ถ้าเป็นผ้าผ่อนชาวบ้านทั่วไปที่ซักกันก็ต้องนี่เลยค่ะ "น้ำขี้เถ้าถ่านแสม" หรือ "น้ำด่าง" เป็นกระแสรากหญ้ายอดฮิตเพราะมีฤทธิ์เป็นด่างช่วยชะล้างคราบไคลบนใยผ้าได้เป็นอย่างดี

สมัยก่อนมีไม้แสมเยอะ ดังที่นักเลงชอบฉวยเอาดุ้นแสมมาตีกัน พอใช้ไม้แสมทำถ่านแล้วเหลือขี้เถ้าเอามาเทแช่น้ำไว้แล้วค่อยเอาน้ำขี้เถ้านี้แช่ผ้าอีกทีหนึ่ง จากนั้นเอามา "ซ้อม" โดยการทุบให้น่วมจะได้รวมความสกปรกให้ตกออกไป ครั้นพอล้างน้ำตากแดดดีแล้วก็เอามาอบร่ำให้กรุ่นกลิ่นกำจาย นั่งที่ไหนก็ "หอมติดกระดาน" แบบชาววังได้ ไม่ใช่กลิ่นตุๆ เหมือนชาวโรมัน

Saturday, July 28, 2012

ซักผ้ารวมกัน ... อันตราย เจอเต็มๆ ...

คนไทยยุคใหม่สมัยนี้เหมือนจะมีโลกส่วนตัวสูงไม่ชอบยุ่งกับใคร ทำงานกลับมาบ้านก็ขออยู่ส่วนตัว ยิ่งคนโสดอยู่คนเดียวหรือแค่สองที่ต้องอาศัยอยู่คอนโดฯหรืออพาร์ทเม้นท์เพื่อให้สะดวกขึ้น ไม่ต้องดูแลบ้านมาก กลับมาก็นอนได้เลย เพราะมีสิ่งบริการอยู่รอบตัวแสนสะดวก บวกกับจะกินอยู่หรือออกกำลังกายก็มีสบายอยู่ในตึกเดียว ไปเที่ยวไหนต่อไหนมาทั้งวันกลับกันมาถึงก็แค่นอน ตอนจะซักผ้าก็มีบริการซักให้หรือจะใช้เครื่องซักผ้ารวมก็ไม่ยากนัก แค่จับใส่เข้าไปใช้เวลานั่งรอประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ แต่การซักผ้าแบบรวมอยู่นี้เอง รู้หรือไม่ว่ามันมีเชื้อโรคร้ายรออยู่มากมาย เช่น 
  • เชื้อกามโรค อย่างเบาะๆเช่น "ซิฟิลิส" ถ้าเข้าตาก็ทำให้ตาบอดได้ หรืออย่าง "เชื้อหนองใน" ถ้าเข้าคอไปก็ทำให้เป็นหนองอักเสบคล้ายโรคทอนซิลกลัดหนอง แต่ต้องรักษาโดยใช้ยาฆ่าเชื้อแบบกามโรคถึงจะหาย
  • เชื้อรา ติดตามใยผ้าได้โดยเฉพาะผ้าที่ใช้เครื่องอบแห้ง ไม่ได้ตากแดด จึงไม่อาจทำลายสปอร์เชื้อราและเชื้ออีกหลายชนิดได้ เมื่อเอามาใส่ก็อาจทำให้เกิดโรคได้ เพราะส่วนใหญ่เชื้อราชอบความอับชื้นมาก
  • เชื้อตกขาว สตรีที่มีโรคภายใน เชื้อตกขาวจะออกเพ่นพ่านยามซักผ้า ถ้าซักชั้นในควรแยกกับผ้าอื่น และยิ่งไม่ควรซักรวมกับคนอื่น เพราะเชื้อเหล่านี้มองไม่เห็นและแม้เจ้าตัวเองบางทีก็ยังไม่ทราบเลยว่ากำลังป่วยอยู่
  • เชื้อโรคผิวหนัง ผ้าที่เป็นของส่วนตัวมากอย่างผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวนี่ยิ่งน่ากลัวที่สุด เพราะสัมผัสกับทั้งเซลล์หนังกำพร้าที่หลุดลอก (ขี้ไคล), น้ำตา, น้ำมูก, น้ำลาย, และสารคัดหลั่งที่อุดมไปด้วยเชื้อหนอง, เชื้อรา, กลาก, เกลื้อน, โรคตาแดง ฯลฯ

Friday, July 27, 2012

ขำขันประจำวัน @ 20120727

Versace Logo เวอร์ซาเช่หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เมย์, พลอย, และอั้ม ก็ไม่ได้ติดต่อหรือเจอกันอีกเลย ต่อมาได้ข่าวคราวกันใหม่ทาง เฟซบุ้ก (Facebook) จึงติดต่อนัดหมายเจอกันที่บาร์แห่งหนึ่ง

"เมย์" มาถึงเป็นคนแรกในชุดสีเบจของเวอร์ซาเช (Versace) และสั่งไวน์ชั้นดีจากอิตาลี 1 ขวด "พลอย" มาเป็นคนที่ 2 เธอใส่ชุดสีเทาของชาแนล (Chanel) หลังจากทักทายแล้วก็ร่วมดื่มไวน์กัน สักพัก "อั้ม" ก็โผล่เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เธอสวมเสื้อยืดสีซีดๆ ใส่กางเกงยีนและรองเท้าบู๊ท ไม่มีแบรนด์

พอทักทายและจิบไวน์กันเรียบร้อยแล้ว "เมย์" ก็เล่าให้เพื่อนๆฟังว่า หลังเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้วเธอไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก จบสาขาวรรณคดี แต่งงานกับ "มาร์ค" ทนายความของสำนักกฎหมายแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ตอนนี้ซื้อบ้านอยู่ที่นิวยอร์ก และมีบ้านอีกหลังหนึ่งที่เมืองไทย เพื่อไว้พักผ่อนตอนที่มาเที่ยว

Thursday, July 26, 2012

Silvio Berlusconi's women - the top 10

ต่อเนื่องจากโพสท์ที่แล้วที่เกี่ยวข้องกับ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่

วันนี้เรานำมาฝากกันต่อแต่อันนี้เป็นข้อมูลและรูปภาพจากเวบ Telegraph ค่ะ

ไม่น่าเชื่อนะคะ แต่ละคนสวยๆทั้งนั้น ไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย

Veronica Lario, 52

1. Veronica Lario, 52, Berlusconi’s long suffering wife of 20 years and mother of his three children. They started an affair while he was still married to first wife and he saw her topless on stage


Noemi Letitzia, 18

2. Noemi Letitzia, 18, schoolgirl who calls Berlusconi ’Papi’ and who has been the subject of media spotlight after it emerged he had visited her coming of age party and gave her a 6000 euro gold and diamond necklace


Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...